Fauxpology: ขอโทษทำไม ถ้าไม่ได้อยาก ‘ขอโทษ’?

“ขอโทษ” หรือ “ขอโทษแล้วกัน ถ้าไปทำให้ไม่สบายใจ”
เวลาที่มีเรื่องผิดพลาด สิ่งแรกที่เราทำก็คือการกล่าวคำเหล่านี้ออกมา คำพูดพวกนี้คงเป็นคำที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ อาจเป็นคำขอโทษที่ลวงโลกที่พบบ่อยที่สุด แต่ถ้าหากพูดขอโทษซ้ำซาก หรือพูดแบบไม่เต็มใจ ก็อาจจะฟังดูทะแม่งๆ นะว่ามั้ย?
อาจจะจริงที่การขอโทษสามารถเรียกความไว้วางใจกลับมา หรือทำให้ความผิดพลาดมันทุเลาลงได้ แต่เมื่อมีการขอโทษปลอมๆ มันก็สามารถทำให้เรื่องราวมันแย่ลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรามักจะรู้เมื่อมีคนไม่จริงใจ เราสามารถอ่านได้จากภาษากาย น้ำเสียง และใบหน้าของผู้ที่กำลังขอโทษเราได้อย่างง่ายดาย
Fauxpology คือ รูปแบบของ “การขอโทษ” โดยที่บุคคลที่ขอโทษไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พวกเขาทำลงไป

ดร.วิกตอเรีย เอสแคนเดลล์ วิดัล (dr. Victoria Escandell Vidal) อาจารย์ Linguistic ที่มหาวิทยาลัยคอมพลูเทนเซ่ ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ได้อธิบายเอาไว้ว่า Fauxpology นั้นเป็นวิธีเพื่อหลบเลี่ยงความรับผิดชอบในการทำสิ่งเลวร้ายของผู้ที่ทำผิด โดยบางครั้งผู้พูด หรือผู้ที่ทำผิด แสดงการขอโทษออกมาโดยที่ไม่ได้เต็มใจจะขอโทษ แต่สถานการณ์รอบข้างอาจจะบีบบังคับให้ทำ คำพูดของพวกเขาในตอนแรกอาจดูเหมือนเป็นการขอโทษ แต่หากเราพยายามคิดตามคำพูดพวกนี้ สำหรับหลายคน หากฟังครั้งแรกอาจจะเป็นอะไรที่ยอมรับได้ แต่ลึกๆ ก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ดี..
อย่างไรก็ตาม Fauxology อาจจะไม่ได้หมายถึงคำแค่พูด แต่รวมไปถึง กิริยา อาการของผู้ที่ทำผิดไม่ยอมแสดงความสำนึกผิดให้กับผู้ที่ควรได้รับคำขอโทษออกมา โดยคำนี้ถูกคิดขึ้นมาเพื่อเปรียบเปรยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะในโลกการเมืองและสื่อ
เพราะเหตุใดรูปแบบ Fauxpology จึงเป็นเรื่องธรรมดาในโลกปัจจุบัน รวมไปถึงวงการสื่อ หรือการเมือง?

หากพูดตรงๆ เมื่อผู้กระทำผิดไม่ได้รู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง พวกเขาไม่ต้องการยอมรับโดยตรง แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันยืดเยื้อไปเรื่อยๆ อีกหนึ่งนัยยะ เซเลบริตี้ หรือนักการเมืองทั้งหลายก็กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา มากไปกว่านั้นก็อาจเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางกฎหมาย ยกตัวอย่างเช่น เวลาบุคคลที่มีชื่อเสียงมีข่าวเสียหาย มักจะออกมาแถลงขอโทษ
อย่างในกรณีของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) อดีตเจ้าพ่อใหญ่แห่งวงการหนังฮอลลีวู้ดชื่อดัง ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณะชนต่อเรื่องอื้อฉาวที่เขากระทำ Sexual Harrassment ต่อนักแสดงสาวทั้งหลายนั้น โดยเขาอ้างว่าในยุค 60 ถึง 70 ที่เขาเป็นวัยรุ่นนั้น เป็นยุคที่กฎเกณฑ์และวัฒนธรรมทั้งหมดแตกต่างกับปัจจุบัน และเขาก็แก่เกินกว่าที่จะเข้าใจมัน ซึ่งอ่านแค่นี้ก็แทบจะเห็นไดเลยว่า นั่นเป็นการขอโทษที่แทบจะไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย
ดังนั้นจุดมุ่งหมายของการแสดงอาการขอโทษแบบนี้ไม่ใช่เพื่อชดใช้ให้ผู้เสียหาย แต่เพื่อพยายามลดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของตัวเองต่างหาก
อย่างนั้นแล้ว ควรขอโทษอย่างไร เพื่อให้ดูจริงใจมากที่สุด?

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากขนาดไหน เราไม่สามารถเสแสร้งได้หรอก ถ้าเราไม่ได้เสียใจ และรู้สึกขอโทษจริงๆ เพราะนอกจากจะต้องขอโทษแล้ว เรายังต้องเตรียมพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองอีกด้วย การขอโทษที่ดีจะเกิดขึ้นได้เมื่อฝ่ายที่รู้ว่าทำผิดนั้น จะยอมรับและแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
ดังนั้นการขอโทษที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดที่สวยหรู แต่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของตัวเอง โดยตราบใดที่เราหมายความตามนั้น คำขอโทษที่จริงใจก็จะมีความหมาย และผู้ฟังก็จะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจที่จะแสดงความรับผิดชอบนั้นของเรา

ที่มา
https://theestablishment.co/7-times-powerful-people-gave-pathetic-apologies-for-their-bad-behavior-8b45f7b77ed0/index.html
Responses