เมื่อ Gen Z บอกว่า “หมาแมว” ดีกว่ามีลูก เพราะพวกเขาไม่ได้แค่เลี้ยงสัตว์ แต่เลี้ยงฝันให้กลายเป็นจริง

Share on facebook
Share on twitter

เมื่อ Gen Z บอกว่า “หมาแมว” ดีกว่ามีลูก เพราะพวกเขาไม่ได้แค่เลี้ยงสัตว์ แต่เลี้ยงฝันให้กลายเป็นจริง

ถ้าคุณคิดว่าเจ้าหมาหรือแมวที่บ้านของคุณเป็นแค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา คุณอาจไม่ได้เกิดในยุคของ Gen Z เพราะสำหรับคนรุ่นนี้ หมากับแมวไม่ใช่แค่เพื่อนซี้ แต่คือโปรเจกต์สร้างความสุข ไลฟ์สไตล์ และความยั่งยืนที่ต้องเป๊ะทั้งในชีวิตจริงและบนโลกออนไลน์

ตามรายงานจาก The Sun คน Gen Z ใช้จ่ายเงินเพื่อสัตว์เลี้ยงมากขึ้นถึง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า! และไม่ได้ใช้จ่ายแบบเล่นๆ แต่ทุกบาททุกสตางค์มีเหตุผล (หรือมีคอนเทนต์รองรับ)

ลองนึกภาพ หมาที่นั่งบนรถเข็นคันหรู แมวที่มีปลอกคอลิมิเต็ดอิดิชันจากแบรนด์ไฮเอนด์ แล้วเจ้าของที่ยิ้มภูมิใจเหมือนพ่อแม่ที่เพิ่งส่งลูกเรียนจบจากฮาร์วาร์ด นี่แหละโลกของ Gen Z!


“มีหมาแมวเหมือนมีชีวิตคู่ที่ไม่ต้องทะเลาะเรื่องค่าไฟ”

Gen Z เลือกหมาและแมวแทนลูกไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รักเด็ก แต่เพราะหมาแมวไม่ทำให้ปวดหัว หมาไม่เคยถามคุณว่าทำไมยังไม่มีบ้านของตัวเอง แมวไม่เคยบ่นว่าอาหารในจานน่าเบื่อ (โอเค แมวอาจจะบ่น แต่ด้วยสายตาแสนเก๋) และที่สำคัญ ทั้งหมาและแมวไม่เคย unfollow คุณบน Instagram

เพื่อนสี่ขาเหล่านี้ยังเป็นแหล่งความสุขที่พร้อมสร้างไวรัลคอนเทนต์ได้ทุกเมื่อ ตั้งแต่คลิปหมาใส่แว่นกันแดดวิ่งบนชายหาด ไปจนถึงแมวที่เอาหัวมุดกล่องกระดาษเหมือนมันกำลังเล่นละครชีวิต คุณไม่ต้องคิดมากเลยว่าหมาแมวเหล่านี้จะทำให้คุณดู “น่ารัก” ขึ้นแค่ไหนในสายตาคนอื่น


“เดย์แคร์หมาแมวคือโรงเรียนนานาชาติ ที่ค่าเทอมแพงกว่าเด็กบางคน”

ในโลกของ Gen Z การปล่อยให้หมาอยู่บ้านเฉยๆ ถือเป็นความผิดร้ายแรง การส่งหมาไป Doggy Daycare หรือ Cat Café แบบหรูๆ กลายเป็นสิ่งจำเป็น เหมือนการส่งลูกเรียนพิเศษที่คุณพ่อคุณแม่รุ่นก่อนภาคภูมิใจ

Doggy Daycare ไม่ใช่แค่ลานวิ่งเล่น แต่คือศูนย์รวมกิจกรรมที่มีตั้งแต่คลาสเรียนโยคะสำหรับหมา ไปจนถึงคลินิกปรับพฤติกรรมแบบตัวต่อตัว ส่วนแมวเองก็ไม่แพ้กัน คาเฟ่แมวบางแห่งมี “สปาแมว” ที่นวดขนและดูแลผิวให้วิ้งวับ พร้อมให้พวกเขาโพสท์ท่าอย่างสง่าราศีบน Instagram

และใช่ แมวกับหมาอาจมีตารางชีวิตที่ยุ่งกว่าคุณ!


“มีหมาแมว…แต่ต้องรักษ์โลกด้วย!”

อย่าคิดว่า Gen Z แค่ตามใจสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ทุกอย่างที่พวกเขาทำต้องมีจุดยืน ตั้งแต่ขนมที่ต้องเป็นออร์แกนิก ปราศจากสารกันบูด ไปจนถึงของเล่นที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล และเตียงที่ออกแบบมาให้ดูดีเหมือนพร็อปจาก Pinterest

มันไม่ใช่แค่ “ซื้อของให้หมาแมว” แต่มันคือการบอกกับตัวเองและโลกรอบตัวว่า “ฉันใส่ใจ” และหมาแมวของฉันคือหลักฐานที่ยืนยันสิ่งนั้นได้อย่างดีที่สุด


“มีหมาแมวไม่ใช่แค่ความสุข แต่คือแฟชั่นและฟังก์ชัน”

Gen Z มองว่าหมาและแมวเป็นเหมือนการลงทุนในคอนเทนต์ การที่หมาคุณใส่เสื้อกันฝนลายเรนโบว์ หรือแมวของคุณนั่งบนโต๊ะไม้โอ๊กที่เข้าชุดกับมู้ดโทนในห้อง คือส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ที่พวกเขาอยากส่งต่อให้โลกได้เห็น

อย่าลืมว่าในยุคนี้ ทุกคลิปหมาเห่า หรือแมวกระโดด สามารถกลายเป็นไวรัลที่พาคุณขึ้นหน้า Explore ได้ในพริบตา!


“หมาแมวคือคำตอบของชีวิต ที่ Gen Z เลือกเขียนเอง”

ในท้ายที่สุด การเลี้ยงหมาและแมวไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่มันคือการออกแบบชีวิตในแบบที่พวกเขาอยากเห็น หมาคือเพื่อนร่วมทางที่วิ่งตามคุณในทุกเป้าหมาย แมวคือศิลปินตัวน้อยที่สอนให้คุณปล่อยวางและชื่นชมความธรรมดา

และสำหรับ Gen Z โลกอาจจะยุ่งเหยิง แต่มองไปที่หมาแมวของพวกเขา แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ถึงเป็นแสงสว่างในวันที่มืดมนที่สุด.

ที่มา

https://www.thesun.co.uk/money/32317093/gen-z-dog-money-spent-figure/?utm_source=chatgpt.com

รู้จักกับการเปิดโหมด Deep Work เพื่องานที่เรารักกันเถอะ

Highlights: จริงอยู่ที่การเป็น ‘Multitasker’ ในเวลานี้ค่อนข้างเป็นอะไรที่จำเป็นอย่างมากในยุคที่การแข่งขันสูงแบบนี้ การที่จะทำให้เราเป็นที่จับตามองขององค์กรนั้น ยิ่งมีผลงานเยอะ ก็อาจจะยิ่งถูกมองว่ามากประสบการณ์ก็เป็นได้ แต่ในความเป็นจริง การทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันมักจะให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพน้อยกว่า เพราะสมองของมนุษย์เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ทำอะไรหลายอย่างได้พร้อมกันยังไงล่ะ! ดังนั้น… จะดีกว่าไหมหากเราหันมาโฟกัสงานอย่างใดอย่างหนึ่งในเวลาเดียวด้วย Deep Work? หากเราค้นหาคำว่าในอินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่จะเจอเกี่ยวกับ Deep Work คงหนีไม่พ้นหนังสือชื่อดังของ

เมื่อ Soft Skills แปรเปลี่ยนเป็น Power Skills

Highlights: ต้องยอมรับว่าหนึ่งในหัวข้อที่ฮอตฮิตมากที่สุดในแวดวงของธุรกิจในปัจจุบันนี้คือ การเพิ่มทักษะ (Upskilling) และการปรับทักษะใหม่ (Reskilling) เกี่ยวกับอนาคตของการทำงาน (Future of Work) องค์กรต่างๆ กำลังคว้านหาคอร์สเรียนจำนวนมากเพื่อพยายามที่จะ “เพิ่มทักษะ” ให้กับพนักงานของตัวเอง และพวกเขาเห็นผลลัพธ์ที่หลากหลาย Skills แบบไหน ที่องค์กรต่างใฝ่ฝันถึง? ปกติแล้วนั้นสกิลของพนักงานที่องค์กรมองหาจากพนักงาน มักจะหมายถึง

Breaking orthodoxies จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..? – มาหัดตั้งคำถามให้องค์กรเติบโตกันเถอะ

Highlights: ด้วยโลกในปัจจุบัน บางบริษัทเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าปรับตามให้ทันยุคสมัย และความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับการรักษาตำแหน่งทางการตลาดในปัจจุบัน และขอแค่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มีอยู่มากกว่าที่จะคว้านหาการสร้างโอกาสใหม่ และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่มักจะทำให้พวกเขาต้องถึงทางตันในการทำธุรกิจ ดังนั้น ทางออกแบบไหนกันที่จะทำให้องค์กรที่ไม่กล้าเสี่ยงแบบนี้เติบโตได้? รู้จัก Breaking Orthodoxies (การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ) การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ การท้าทายและตั้งคำถามถึงวิธีการทำสิ่งต่างๆ แบบเดิมๆ ออร์ทอดอกซ์เป็นข้อสันนิษฐาน หรือความเชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นจริงในอุตสาหกรรม ตลาด