อัปสกิลที่มีอยู่ สู่งานใหม่ที่ดีกว่า ด้วย Transferable Skills

Share on facebook
Share on twitter

Highlights:

  • Transferable skills คือ สกิลเซ็ตและความสามารถหลักของพวกเรา ที่สามารถนำไปใช้กับงานและอุตสาหกรรมต่างๆ ได้หลากหลาย เป็นสกิลทั่วไปที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ระหว่างสายอาชีพใหม่และเก่า
  • การเตรียมตัวสำหรับ Transferable skills เป็นประโยชน์ให้กับหลายกลุ่มคน เช่น นักศึกษาจบใหม่ หรือ ผู้ที่ทำงานแล้วมีความจำเป็นต้องหางานใหม่ในเวลาอันกระชั้นชิด
  • การที่เรามี Transferable skills นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันไม่ใช่สกิลเฉพาะเพื่องานใดงานหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นสกิลทั่วไปที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ระหว่างสายอาชีพใหม่และเก่าได้

ปัจจุบันการทำงานให้ตรงสายกับที่เรียนมานั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างที่จะท้าทายมากขึ้น โดยเฉพาะบางสายงาน เช่น งาน Adminstrative ทั่วไป หรือสาย Creative นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนรักและถนัด แต่ด้วยฐานความต้องการของสายอาชีพพวกนี้อาจจะไม่ได้มีความต้องการในตลาดมากเท่ากับพวกสายอาชีพเฉพาะ อย่างวิศวกร หรือเทคโนโลยี ก็อาจจะทำให้ผู้ที่อยากเปลี่ยนงาน หางานยากขึ้น ยิ่งบางอาชีพนั้นเงินค่าจ้างที่ได้ก็คงไม่ได้มากมายเท่าไร..

การล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องของโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมาได้ส่งผลให้พนักงานออฟฟิศได้ไตร่ตรองเส้นทางอาชีพของตน มองหาความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและอาชีพมากขึ้น

คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครหลายคนในตอนนี้กำลังหาลู่ทางที่จะเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของตัวเอง เพราะฉะนั้นการโยกย้ายเปลี่ยนงานจึงอาจจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนในยุคนี้ต้องคำนึงถึง และไม่แปลกที่สภาพความไม่แน่นอนในแต่ละวันจะส่งผลให้หลายคนเริ่มถามตัวเองว่า จะเปลี่ยนอาชีพที่กำลังทำอยู่ดีมั้ย? แล้วถ้าทำได้ ทักษะอะไรบ้างที่พวกเขาเหล่านี้จะสามารถนำไปปรับใช้เพื่อเอาชนะคู่แข่งที่กำลังหางานได้?

คำตอบก็คือ สกิลเก่าๆ ที่มีอยู่นั่นแหละ หรือที่ถูกขนานนามไว้ว่า “Transferable Skills”

Transferable Skills คืออะไร?

Transferable Skills ทักษะที่ถ่ายทอดได้ หรือ ทักษะที่พกพาได้ คือทักษะทั้งหมดที่เรามีติดตัวจากงานหนึ่งไปยังอีกงานหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ไม่คาดคิด หรือการเป็นทีมเวิร์คที่ดี หรือจริงๆ แล้ว Transferable Skills ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Skills หรือ Power Skills นั่นเอง (LINK บทความของ Mydemy ที่เกี่ยวกับ Power Skills)  ดังนั้นทักษะ หรือสกิลเหล่านี้จึงเป็นตัวอย่างของทักษะที่สามารถถ่ายทอดไปใช้ใหม่ได้

การที่เรามี Transferable skills นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะมันไม่ใช่สกิลเฉพาะเพื่องานใดงานหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นสกิลทั่วไปที่เราสามารถปรับเปลี่ยนไประหว่างสายอาชีพใหม่และเก่าได้ ดังนั้นสกิลนี้สามารถนำไปใช้ในที่ทำงานได้หลายวิธี โดยก่อนที่จะเริ่มปรับแต่งเรซูเม่ หรือก่อนจะมีสัมภาษณ์ในการหางานใหม่เราต้องทบทวนกับตัวเองก่อนว่า สกิลอะไรบ้างที่เราสามารถปรับไปใช้กับตำแหน่งใหม่ที่เราสนใจได้

หากเปรียบเทียบกับทักษะทางเทคนิค (Technical Skills) หรือ Hard Skills ทั้งหลาย ตัวอย่างเช่น โปรแกรมเมอร์ที่เชี่ยวชาญทางด้านการเขียนโค้ด แต่เพียงความรู้เท่านั้นก็ยังไม่พอ หากเรามี Transferable Skill ด้วย ก็จะสามารถอัปเกรดและการันตีคุณภาพงานของเราได้ดีมากขึ้นอีก

ลองนึกภาพดูว่าการที่เราโปรแกรมเมอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ด้วย ซึ่งความคิดสร้างสรรค์นี้อาจจะเป็นสกิลที่เราได้มาจากอาชีพก่อนหน้า เช่น UX Designer หรือ Content Writer ก็ย่อมมีคุณภาพมากกว่าโปรแกรมเมอร์ที่เขียนโค้ดเป็นอย่างเดียว เพราะฉะนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยล่ะว่า Transferable skill นั้นมีประโยชน์อย่างมากเวลาที่เราเปลี่ยนสายงาน

ตัวอย่าง Transferable Skills แบบไหนกันล่ะที่หาได้ง่ายๆ จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา และสามารถนำไปใส่ในเรซูเม่ หรือพรีเซนต์ระหว่างการสัมภาษณ์งานได้?

  • Time management & Proritization: จะว่าไปแล้วนั้น สกิลการจัดการเวลากับการจัดลำดับที่ดีเป็นสิ่งที่ควรมาคู่กัน เช่น การทำ To-do-list การจัดตารางเวลาในแต่ละวัน  เพราะสกิลเหล่านี้ไม่เพียงแต่พิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถทำงานได้ตามกำหนดเวลาและตรงเวลาเท่านั้น แต่ยังพิสูจน์ได้อีกว่าเราก็สามารถทำงานให้เสร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกัน
  • Creativity: Thinking outside of box หรือการคิดนอกกรอบ และความสร้างสรรค์ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างง่ายดาย เพราะการมีไอเดียใหม่ๆ ก็ถือว่าเป็นทักษะอีกทางที่จะสามารถช่วยค้นหาวิธีในการแก้ปัญหาที่หลากหลายให้กับงานของเราได้
  • Detail-Oriented: การใส่ใจในรายละเอียด คือความสามารถที่จะช่วยการันตีถึงความมีประสิทธิภาพของเราได้เป็นอย่างดี เพราะสกิลนี้สะท้อนให้เห็นถึงแสดงความเป็นคนช่างสังเกต สามารถจดจ่อกับประเด็นที่สำคัญแม้ในสิ่งคนอื่นอาจมองข้ามไป
  • People Skill: เช่น ทีมเวิร์ค หรือการสื่อสารก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสกิลนี้เช่นกัน เพราะการทำงานเป็นทีมไม่เพียงแต่เพิ่มผลผลิตให้กับองค์กรหรือเท่านั้น แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในกลุ่มที่ทำงาน และยังช่วยเสริมให้สถานที่ทำงานของเราเป็น comfort zone ได้อีกด้วย

เห็นแล้วรึยัง? ว่าเราไม่ควรมองข้ามคุณค่าของ Transferable skill ไป เพราะสกิลเหล่านี้สามารถเพิ่มคุณภาพในการทำงาน พร้อมทั้งยังเป็นการ Reskill Upskill รวมไปถึงเปิดโอกาสให้เราโดดเด่นจากคู่แข่งคนอื่นในการหางานอีกด้วย!

อ้างอิง:

Herrity, J. (2023, March 1). Transferable skills: 10 skills that work across industries. Indeed. https://www.indeed.com/career-advice/resumes-cover-letters/transferable-skills 
Transferable skills: the key to job mobility. (2022, July 8). Rise Up. https://blog.riseup.ai/en/transferable-skills

Breaking orthodoxies จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..? – มาหัดตั้งคำถามให้องค์กรเติบโตกันเถอะ

Highlights: ด้วยโลกในปัจจุบัน บางบริษัทเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าปรับตามให้ทันยุคสมัย และความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับการรักษาตำแหน่งทางการตลาดในปัจจุบัน และขอแค่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มีอยู่มากกว่าที่จะคว้านหาการสร้างโอกาสใหม่ และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่มักจะทำให้พวกเขาต้องถึงทางตันในการทำธุรกิจ ดังนั้น ทางออกแบบไหนกันที่จะทำให้องค์กรที่ไม่กล้าเสี่ยงแบบนี้เติบโตได้? รู้จัก Breaking Orthodoxies (การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ) การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ การท้าทายและตั้งคำถามถึงวิธีการทำสิ่งต่างๆ แบบเดิมๆ ออร์ทอดอกซ์เป็นข้อสันนิษฐาน หรือความเชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นจริงในอุตสาหกรรม ตลาด

รู้จัก ‘Penguin Effect’ จากคนธรรมดาพัฒนาเป็นเพนกวินผู้กล้า!

Highlight: ที่มาที่ไปของ Penguin Effectเพนกวินเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีพฤติกรรมน่าสนใจ และทำให้เราขมวดคิ้วอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏการณ์นี้ เรียกว่า ‘Penguin Effect’ ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของมนุษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ! นกเพนกวินแม้ในขณะที่หิวโหยยังสามารถยืนท้าลมหนาวเป็นเวลานานบนชายฝั่ง หรือแผ่นน้ำแข็งร่วมกับฝูง พร้อมทั้งคอยพยายามผลักและดันตัวที่อยู่ข้างหน้าลงไปในน้ำ ซึ่งสาเหตุมาจากที่พวกมันไม่กล้ารีบเข้าไปเอง เพราะกลัวนักล่าอย่าง แมวน้ำ, สิงโตทะเล ,วาฬเพชฌฆาต หรือ แม้แต่ฉลาม

‘ลาหยุด’ อย่างไรให้ดีต่อใจและการงาน?!

Highlights: ในวันหยุดพักผ่อน ไม่ว่าใครก็สามารถหลีกหนีจากความเครียดและตัดขาดจากการทำงานได้ด้วยการลาพักร้อน ซึ่งการลาหยุดนี้ช่วยคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าข้อดีที่แท้จริงของการลาพักจากงานนั้นมีอะไรบ้าง? ยกตัวอย่างเช่น: วันหยุดในอุดมคติของพวกเราเพื่อขจัดความเครียด และสภาวะหมดไฟ จากผลสำรวจของ Mercer ใน Linkedin พบว่า 64 เปอร์เซ็นต์ ของ พนักงานออฟฟิศเลือกที่จะมีวันหยุดแบบไม่มีแผนตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวันลาวันไหน เดือนไหนก็ได้อย่างไม่เฉพาะเจาะจงเพื่อแก้ปัญหาสภาวะหมดไฟ นอกจากนั้น